ชื่อแพลตฟอร์ม | crazy-time-online-live ใบสมัคร |
ขนาด | 35760KB |
APP รุ่นล่าสุด | 6.3.1 |
ความเข้ากันได้ | ทำงานบน iOS และ Android อุปกรณ์ |
อัพเดทล่าสุด | 2024-12-27 |
การสนับสนุน | การสนับสนุนลูกค้าโดยเฉพาะผ่านทางอีเมลหรือแชทในแอป |
การให้คะแนน | 4.8/5 (based on 70188+ reviews) |
crazy-time-online-live รหัสเชิญอัตโนมัติ | 17086 |
crazy-time-online-liveเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 67 น.ส.กุลธิดา หรือน้องยี่หวา สุทธิประภา อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนตะพานหิน จ.พิจิตร ที่ขายไก่ทอดช่วยแม่ใน จ.สมุทรปราการ ช่วงวันหยุด ซึ่งกลายเป็นไวรัลดังชั่วข้ามคืน จากการที่มีใบหน้าคล้ายนักร้องสาวคนดัง LISA BlackPink หรือ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล นั้น ล่าสุด น้องยี่หวา ได้โพสต์คลิปลงใน TikTok @yiwalisu ซึ่งเพิ่งเปิดช่องใหม่เป็นของตัวเอง โดยโพสต์คลิปบรรยากาศขณะถ่ายทำเอ็มวีที่เยาวราช คัฟเวอร์เป็นลิซ่า กำลังเต้นเพลง ROCKSTAR ซิงเกิลใหม่ล่าสุดของลิซ่า ประเดิมค่าย LLOUD อยู่ จนกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล เพียงแค่วันเดียว มีผู้เข้ามาชมแล้วกว่า 6 ล้านครั้ง โดยภายหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจน้อง เป็นจำนวนมากด้วย. หนูมีพี่ลิซ่าเป็นไอดอล????????????@LISA rockstar lisa เยาวราช น้องยี่หวา น้องไก่ทอด ขอบคุณ
crazy-time-online-liveยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวของพระเอกชื่อดัง นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ เปิดใจความสัมพันธ์กับแฟนสาวนางเอก ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ว่าได้ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน พร้อมยืนยันว่า แม่หมู พิมพ์ผกา ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้รักครั้งนี้ต้องจบลง ซึ่งหลายคนก็ยังคงมาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายแง่มุมอยู่ดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น คนสนิท “หมู พิมพ์ผกา” เคลื่อนไหววอนหยุดดราม่าใส่แม่ ลั่น “นาย” พูดชัดเจนแล้ว! ความคืบหน้าล่าสุดหลังคนสนิทของแม่หมูที่มีการออกมาเคลื่อนไหวปกป้องอย่าว่าแม่ และอย่ามาดราม่าใส่แม่ ทำเอาหลายคนตกใจและติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดแม่หมูออกมาคอมเมนต์ตอบกลับคนสนิทแล้วว่า “ขอบคุณมากลูก จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ มีต้าที่เข้าใจเพราะทุกเสาร์อาทิตย์ก็มีแค่ต้าที่ขับรถมาอยู่เป็นเพื่อนแม่” งานนี้ทำเอาหลายคนไลก์แรงและส่งอีโมติคอนบอกรักแม่หมูกันเพียบๆ ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
crazy-time-online-liveอันยองแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักทุกท่าน มาพบเจอกับ “นูน่าเมี้ยน” อีกเช่นเคยนะคะ และแน่นอนเจอกันแบบนี้ต้องมาพร้อมกับความเอ็กซ์คลูซีฟของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์ที่จะมาอัปเดตผ่านคอลัมน์ปังๆ อย่าง “SeoulStation” ซึ่งในสัปดาห์นี้นูน่าก็ยังขนเอาความพิเศษมาฝากอีกเช่นเคยกับเรื่องราวของรายการวาไรตี้แบบไม่มีสคริปต์จากเกาหลี “Jinny’s Kitchen 2” ที่จะพาไปตามติดภารกิจเปิดร้านอาหารเกาหลีในต่างประเทศของเหล่านักแสดงชื่อดัง ซึ่งเป็นรายการซีซั่นใหม่ต่อเนื่องจากซีซั่นแรกที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้ชม โดยในซีซั่นที่แล้วมีนักแสดงที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ “อีซอจิน”, “จองยูมี”, “พัคซอจุน”, “ชเวอูชิก” และ “วี” จากวง “BTS” โดยพวกเขาได้ร่วมกันเปิดร้านอาหารสตรีทฟู้ดเกาหลีในเมืองบาคาลาร์ ประเทศเม็กซิโก ส่วนในซีซั่นใหม่พร้อมให้รับชมแล้วบน Prime Videoและจะมี “อีซอจิน”, “จองยูมี”, “พัคซอจุน”, “ชเวอูชิก” และสมาชิกคนใหม่อย่างนักแสดงสาว “โกมินซี” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานการแสดงจากซีรีส์ “Youth of May” มาร่วมทีมในฐานะน้องใหม่อีกด้วย โดยซีซั่นนี้ พวกเขาจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันเปิดร้านอาหารเกาหลีในเมืองเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ โดยมีการเปลี่ยนเปลี่ยนชวนติดตามหลายอย่าง ตั้งแต่บทบาทหน้าที่ใหม่ เมนูอาหารใหม่ และการปรับเปลี่ยนบางอย่างในครัว ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินไปกับเคมีที่เข้ากันระหว่างนักแสดง การผจญภัยเพื่อเปิดร้านในสถานที่ใหม่ และทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเรคยาวิก งานนี้ “นูน่าเมี้ยน” ก็มีโอกาสได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวรายการ “Jinny’s Kitchen 2” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา นูน่าเลยไม่พลาดที่จะนำบทสัมภาษณ์สนุกๆ ของพวกเขามาฝากกันก่อนที่จะได้รับชมรายการกันด้วย! ตั้งแต่จบ “Jinny’s Kitchen” ซีซั่นแรก แฟนๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะได้ชมซีซั่นสองกันเยอะมาก ในฐานะโปรดิวเซอร์และผู้กำกับ คุณรู้สึกยังไงบ้างที่ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้ว? นายองซอก : “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าจะกังวลนะครับ เพราะว่านี่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับนักแสดงทีมเดิมที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ในซีซั่นนี้เราได้สมาชิกใหม่อย่างโกมินชีมาร่วมทีมด้วย ก็เป็นอีกเรื่องที่ตื่นเต้นและยินดีมากครับที่จะได้นำเสนอให้คนดูได้เห็นว่าเธอสร้างการเปลี่ยนแปลงในทีมของเรายังไงบ้าง” สำหรับสมาชิกเดิมของร้าน “Jinny’s Kitchen” พวกคุณรู้สึกยังไงบ้างที่ในซีซั่นนี้สมาชิกในทีมจะได้ผลัดกันเป็นเชฟ และต้องทำเมนูพิเศษของตัวเอง? พัคซอจุน: “การที่เราได้เปลี่ยนบทบาททุกวันคือสิ่งที่ผมชอบในซีซั่นนี้เลยครับ มันทำให้รู้สึกสดชื่นไม่จำเจ เวลาอยู่นอกครัวผมจะรู้สึกกดดันน้อยลง และพอได้ทำงานในครัวบ้าง นอกครัวบ้าง ก็ทำให้ได้สัมผัสความกดดันและประสบการณ์ที่ต่างกันออกไปด้วย” จองยูมี: “ฉันเป็นคนที่ใช้เวลาอยู่ในครัวมากกว่าหน้าร้าน แม้ว่าตอนที่เดินเข้าครัวครั้งแรกจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่แป๊บเดียวก็ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับมัน แล้วก็รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ในครัวมากกว่า ดังนั้นก็เลยคิดว่าจุดเด่นของตัวเองน่าจะเป็นความมั่นใจและไม่กังวลเวลาอยู่ในครัวค่ะ” ชเวอูชิก: “ซีซั่นนี้ผมได้เลื่อนตำแหน่งจากเด็กฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แล้วก็ได้เป็นเชฟเลยทันที ก็เลยคิดว่าตัวเองคงยังไม่ได้จุดแข็งอะไรเท่าไรหรอกครับ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วผมกดดันมากเลย เพราะถึงยังไงมันก็เป็นการเปิดร้านอาหารจริงๆ ดังนั้นในฐานะเชฟผมจะทำพลาดไม่ได้ มันทำให้ผมกดดันแต่ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้จากการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ในแต่ละวัน อีกอย่างคือผมมีซูเปอร์พนักงานฝึกหัด (โกมินชี) มาทำงานด้วย เธอช่วยผมได้เยอะมากเลยครับ” “นายองซอก” คุณพอจะเล่าเรื่องการคัดเลือกพนักงานฝึกหัด น้องเล็กคนใหม่ของทีมให้ฟังหน่อยได้ไหม คุณคิดว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง “โกมินชี” กับ “แทฮยอง” (วี BTS) พนักงานฝึกหัดของซีซั่นที่แล้วบ้าง? นายองซอก: “เราใช้ความพยายามอย่างมากเลยครับในการมองหาสมาชิกน้องใหม่ โกมินชีเป็นนักแสดงที่เก่งและประสบความสำเร็จมาก แล้วเราก็ค้นพบด้วยว่าเธอไม่ได้เริ่มต้นอาชีพแรกของเธอไม่ใช่การเป็นนักแสดง แต่เคยทำงานหลายอย่างมาก่อน เธอเคยทำงานในบริษัทรับจัดงานแต่งงานมาก่อนด้วย ดังนั้นพอเห็นประวัติการทำงานที่โดดเด่นของมินชี เราก็เลยติดต่อไปหาเธอเพราะคิดว่านี่คือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริษัทของเรา และเธอก็ตอบตกลงมาร่วมทีมกับเราครับ” “จองยูมี” คุณมีประสบการณ์ในร้านอาหารมาเยอะมาก ช่วยเล่าบรรยากาศในกองให้ฟังหน่อย และคุณมีแผนที่จะแยกตัวไปทำร้านของตัวเองในอนาคตหรือเปล่า? จองยูมี: “เนื่องจากเราทำงานด้วยกันมานาน ถึงแม้ว่างานจะเยอะแต่บรรยากาศในกองก็ดีมากๆ เลยค่ะ เราช่วยเหลือและพึ่งพากันตลอด ฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารักใจดีทั้งนั้นเลย ส่วนเรื่องการแยกตัวออกไปเป็นอิสระ บอกตรงๆ เลยค่ะว่าฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความเป็นผู้นำเท่าไร จริงๆ คือฉันอยากทำงานให้คุณซีอีโออีซอจินมากกว่าจะเป็นซีอีโอเองนะคะ” “พัคซอจุน” ในตัวอย่างรายการคุณทำงานหนักมากจนอยากจะให้ช่อง tvN มีรางวัลธุรกิจร้านอาหารดีเด่นมอบให้พวกคุณเลยทีเดียว อยากรู้ว่าถ้าคุณได้เป็นหนึ่งในแคนดิเดต ใครคือคู่ต่อสู้ของคุณคะ? พัคซอจุน: “เอาจริงๆ ผมคิดว่าบรรยากาศมันคงพาไปตอนที่ผมพูดน่ะครับ (หัวเราะ) พอรับออร์เดอร์ในครัวไปนานถึงจุดหนึ่ง จู่ๆ ความคิดนี้มันก็แวบเข้ามา อีกอย่างคือตอนนี้มีรายการที่เกี่ยวกับร้านอาหารหลายรายการเลย ดังนั้นถ้าจะต้องแข่งกับใคร ผมคิดว่าผมขอแข่งกับตัวเองใน Jinny’s Kitchen ซีซั่นที่แล้วก็พอครับ เพราะว่าตอนไปไอซ์แลนด์รอบนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ารักษาพลังงานไว้ไม่ค่อยได้ เมื่อก่อนเวลาเหนื่อย ผ่านมาอีกวันผมก็รู้สึกโอเคแล้ว แต่ซีซั่นนี้วันต่อมาผมยังเหนื่อยมากอยู่เลยครับ ดังนั้นผมขอแค่แข่งกับตัวเองเมื่อปีสองปีที่แล้วให้ได้ก็พอครับ “โกมินชี” คุณรู้สึกมั่นใจตลอดเลยไหมเวลาทำอาหาร รู้สึกยังไงบ้างกับการทำงานร่วมกับสมาชิกในทีมแต่ละคน? โกมินชี: “ฉันไม่ได้มั่นใจในการทำอาหารเลยค่ะ ฉันแค่ทำในสิ่งที่พวกเขาบอกให้ทำและทำให้เร็ว นั่นคือสิ่งที่ฉันมั่นใจค่ะ ฉันเคยเจอพี่อูชิกกับพี่ยูมีมาก่อน ส่วนซีอีโออีซอจินก็เป็นคนตลกมากเลยค่ะ ฉันรู้สึกแปลกใจมากที่ได้รู้ว่าเขาตลกขนาดไหน เขาเป็นคนพูดน้อยแต่ว่าตลกมาก มุกที่เขาพูดออกมาแบบไม่แยแสมันฮามาก ส่วนพี่ยูมี ฉันต้องพึ่งพี่เขาหลายอย่างเลยค่ะ ฉันดีใจที่ได้เป็นลูกน้องของพี่ ตอนที่พี่ยูมีได้เป็นเชฟประจำวัน ฉันจะรู้สึกสงบและโล่งใจ อีกอย่างคือพี่เขาหั่นผักสวยมากเลยค่ะ แล้วคุณจะได้เห็นในรายการ สำหรับพี่ซอจุน ฉันรู้สึกได้ถึงพลังของเขาแค่มองจากข้างหลังเลยค่ะ ทั้งความจริงใจ แพสชั่น และพลังงานที่ใส่ลงไปในการทำอาหาร ฉันรู้สึกนับถือพี่เขาที่สุดเลยค่ะ แล้วเขาก็ทำงานเร็วมากด้วย เหมือนกับว่าพี่เขามีตามองเห็นได้จากทุกทางอะไรอย่างนั้น ส่วนพี่อูชิก เขาเป็นคนตลกค่ะ ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลยเวลาอยู่กับเขา (หัวเราะ) มันทำให้ฉันถ่ายรายการได้แบบไม่เกร็ง อีกอย่างคือเขาจะเข้ามาเช็กตลอดว่าฉันเป็นยังไงบ้าง ได้กินน้ำบ้างหรือยัง อะไรแบบนี้” สุดท้ายนี้ อยากให้ตัวแทนทีมนักแสดง ฝากผลงานกับผู้ชมสักหน่อย? ชเวอูชิก: “ครั้งนี้พวกเราบินไปไกลกันถึงไอซ์แลนด์เลย เพื่อให้คนดูได้ชมรายการที่สนุกสนาน ผมหวังว่ารายการของเราจะสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับคนดู และช่วยให้คุณเย็นใจในฤดูร้อนที่อบอ้าวนะครับ” โกมินชี: “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าร่วมรายการ Jinny’s Kitchen 2 ในฐานะมักเน่ซูเปอร์เด็กฝึกงานของทีม (maknae superintern) ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ อยากจะให้ทุกคนติดตามการทำงานของฉันและส่งกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” บอกเลยว่าแค่อ่านบมสัมภาษณ์ก็สนุก และน่าดูขนาดนี้แล้ว และต่อไปนี้ “นูน่าเมี้ยน” จะสรุป 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดชมซีซั่นที่สองของรายการวาไรตี้ยอดฮิตรายการนี้! 1. บรรยากาศถ่ายทำในดินแดนใหม่ “ไอซ์แลนด์” ซึ่งที่นั่นไม่มีร้านอาหารเกาหลีที่เจ้าของเป็นคนเกาหลีเลย และเนื่องจากเป้าหมายของรายการคือการแบ่งปันอาหารเกาหลีในต่างประเทศ จึงเลือกที่จะเปิดร้านอาหารในเมืองหลวงของไอซ์แลนด์แห่งนี้ นอกจากนี้วิวทิวทัศน์ที่ปกคลุมด้วยหิมะของไอซ์แลนด์ ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีหลีกหนีจากฤดูร้อนที่อบอ้าวที่ไม่เลวเลย 2. “เคมีที่สั่งสมยาวนาน” จนกลายเป็นมิตรภาพเหนียวแน่นที่หาไม่ได้ง่ายๆ ทีมนักแสดงของ Jinny’s Kitchen 2 เคยร่วมงานกันมาก่อนในรายการอื่นๆ เช่น รายการ Youn’s Kitchen 3. เด็กฝึกงานน้องใหม่ “โกมินชี” นอกจากทีมนักแสดงที่แฟนๆ หลงรักและคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ในซีซั่นนี้เรายังจะได้พบกับเด็กฝึกงานคนใหม่ที่มาเข้าร่วมทีมอย่าง โกมินชี อีกด้วย 4. “เชฟประจำวัน” อีกหนึ่งมิติใหม่ที่จะสร้างความเพลินใจให้ผู้ชมในซีซั่น ก็คือการได้เห็นสมาชิกในทีมผลัดกันเป็นเชฟประจำวัน 5. “มากกว่าแค่ร้านอาหาร” แต่คือประสบการณ์อบอุ่นใจ Jinny’s Kitchen 2 นั้น แตกต่างจากรายการร้านอาหารทั่วๆ ไปที่คุณเคยได้รับชม การเดินทางของเหล่านักแสดง จะทำให้คุณเกิดอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายและประสบการณ์ฟีลกู๊ดกลับไป ได้รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ารีรอ ไปรับชม Jinny’s Kitchen 2 กันเลย ที่ Prime Video เท่านั้น!. คอลัมน์ “SeoulStation”โดย “นูน่าเมี้ยน”
crazy-time-online-liveร้อนแรงไม่มีพักทีเดียว สำหรับเรื่องราวของพระเอกชื่อดัง นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ เปิดใจความสัมพันธ์กับแฟนสาวนางเอก ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ว่าได้ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน พร้อมยืนยันว่า แม่หมู พิมพ์ผกา ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้รักครั้งนี้ต้องจบลง ซึ่งหลายคนก็ยังคงมาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายแง่มุมอยู่ดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดในโลกออนไลน์หลังจากมีประเด็นนี้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์มาหลายวัน ก็ได้มีการตั้งเรื่องราวของนายและใบเฟิร์นเป็นกระทู้ผ่านทางพันทิป เว็บไซต์ดังด้วย โดยมีการตั้งชื่อกระทู้ว่า “ทำไมแม่หมู แม่นาย ณภัทร ถึงไม่ชอบใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” พร้อมบรรยายว่า “เรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้ เป็นเรื่องน่าเบื่อ เรื่องผัวเมียละเหี่ยใจว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อคู่กับสังคมไทยมาช้านานแล้ว แต่เรื่องแม่ยายแม่ย่ากับสะใภ้นี่น่าเบื่อยิ่งกว่า” หลังจากนั้นก็มีแฟนๆ มาไลก์และคอมเมนต์มากมาย อาทิ แม่เลี้ยงเดี่ยวไงครับ เลี้ยงลูกมาคนเดียว ทุ่มเทมากกก ถ้าเป็นครอบครัวปกติ มีสามีอยู่ด้วย มีการมีงานทำ มีเพื่อนฝูงเยอะๆ รับรอง “อาการคิดเล็ก คิดน้อย” แบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น, เห็นตอนแรกแกก็เชียร์ดีนะ เชียร์ให้คบกันเลย แต่พอคบกันมากลับมาเป็นแบบนี้ ไม่รู้แกไปรู้ไปเห็นอะไร, คิดว่านางน่าจะไม่ได้ไม่ชอบนะเพราะตอนแรกตัวเองเป็นคนเชียร์สุดๆ หลังคบลูกตัวเองน่าจะไม่มีเวลาให้ เลยน่าจะเกิดการฟุ้งซ่าน บวกกับอัพโซเชียลตัดพ้อรัวๆ เกิดความลำบากใจกับทุกฝ่ายจริงๆ เป็นต้น ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม